.jpg)
ก็เพราะว่ามันมากกว่าคำว่า “แค่เลี้ยงไก่”
มากกว่าการตักอาหารตอนเช้า หรือเปิดประตูเล้าในวันที่อากาศดี
คนที่ไม่ได้อยู่ในวงการนี้อาจไม่เข้าใจว่า การตื่นมาเห็นไก่ตัวโปรดขันรับแดดตอนแรกของวัน มันทำให้หัวใจคนเลี้ยงเบาสบายแค่ไหน
หรือการลูบน้ำ ลูบปีกทีละเส้น มันทำให้คนตัวโต ๆ กลายเป็นเด็กอีกครั้งได้อย่างไร
แต่กว่าจะมาถึงวันนี้ เราต่างรู้ดีว่ามันไม่ได้เรียบง่ายเหมือนรูปภาพที่ใครเห็นในโซเชียล
เบื้องหลังความสงบในคอกไก่ คือการลงทุนที่หนักหนา
การลองผิดลองถูกที่เสียเวลาไปไม่รู้กี่เดือน
และมิตรภาพที่ค่อย ๆ คัดคนจริงออกจากคนที่เดินเข้ามาเพราะผลประโยชน์
บางครั้งการเลี้ยงไก่ชนก็เหมือนการเดินทางไกลที่เริ่มต้นจากศรัทธา
ศรัทธาว่าไก่ตัวนี้จะดี วันหนึ่งจะเก่ง วันหนึ่งจะพาเราไปไกล
เราซื้ออาหารดี ๆ ลูบน้ำอย่างประณีต คัดสาย คัดพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ ลองชน ลองฝึก
และเราก็ทุ่มเทไปแม้จะรู้ว่าผลลัพธ์ไม่มีอะไรการันตี
เพราะนั่นคือธรรมชาติของคนรักไก่—ให้ก่อนเสมอ โดยไม่รู้ว่าจะได้อะไรกลับคืน
หลายคนในวงการนี้เริ่มต้นจากความรักล้วน ๆ
แต่ที่เวลาผ่านไปเขาเงียบหาย ไม่ใช่เพราะหมดรัก
แต่เพราะ “รายจ่ายมันเดินเร็วกว่าใจ”
อาหารที่แพงขึ้น คอกที่ต้องซ่อม อุปกรณ์ที่ต้องซื้อใหม่
ไก่ที่หวังไว้กลายเป็นตัวที่ไม่ถนัด ไม่ใช่สายที่คิด
ความเชื่อมั่นที่เคยแน่นก็เริ่มสั่น
จนบางครั้งเราก็ถามตัวเองว่า
ไก่ไม่ดี หรือตัวเราต่างหากที่ยังไม่เข้าใจมันดีพอ
.jpg)
ในทางหนึ่ง ไก่ชนไม่เคยทำร้ายใครเลย
มีแต่เรา ที่เร่งรีบเกินไป คิดแต่ว่าจะกำไร คิดว่า “ได้แน่ ๆ”
ลืมไปว่าการเลี้ยงไก่คือศิลปะที่ต้องใช้ความอดทน
ลืมไปว่าฟอร์มดีต้องใช้เวลา
ลืมไปว่าทุกตัวมีจังหวะของมันเอง
และลืมไปว่าความผิดพลาดคือครูที่ซื่อสัตย์ที่สุดของวงการนี้
สิ่งที่วงการไก่ชนสอนให้คนได้เรียนรู้มากที่สุด
ไม่ใช่วิธีตี หรือวิธีดูเชิง
แต่เป็น “วิธีเป็นมนุษย์ที่เข้าใจความไม่แน่นอนของชีวิต”
เพราะยิ่งทำมาก ยิ่งเจอมาก
เรายิ่งเรียนรู้เร็วขึ้นว่าอะไรที่ควรเชื่อ อะไรที่ควรรอ
และอะไรที่ควรปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติของมัน
เรารู้ว่าเพื่อนแท้ไม่มาก แต่หาไม่ยาก
คนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ตอนเสียไก่
ตอนแพ้แบบเจ็บ
ตอนถูกมองข้าม
คือคนที่ควรเก็บไว้
ส่วนคนที่เดินออกไป เพราะผลประโยชน์หายไป
คือคนที่เราควรบอกตัวเองว่าโชคดีแล้วที่เขาไป
เมื่ออยู่ในวงการนานขึ้น เราจะเริ่มเห็นภาพบางอย่างชัดขึ้น
ไก่ที่ดีไม่ได้มาจากโชค
ความสำเร็จไม่ได้มาจากดวง
แต่มาจากความชำนาญที่สะสมอยู่ในมือ อยู่ในสายตา อยู่ในหัวใจ
จากการทำซ้ำ ทำพลาด แล้วทำใหม่
จากการล้มซ้ำ แล้วลุกซ้ำ
จากการที่เรายอมรับว่าตัวเองยังไม่เก่งพอ และพร้อมจะเรียนรู้เพิ่ม
คนที่ลงมือก่อน ย่อมเจอปัญหาก่อน
และคนที่แก้ปัญหาได้ก่อน คือคนที่เดินนำตลอด
นี่คือเหตุผลที่คนบางคนดูเหมือนประสบความสำเร็จง่าย
ทั้งที่จริงแล้ว เขาเจ็บมาเป็นสิบรอบก่อนจะมาถึงวันที่เรามองเห็น
และเมื่อวันไหนเราค้นพบว่า
รายรับเริ่มเข้าที่ รายจ่ายเริ่มคุมได้
สายที่ใช่เริ่มชัดเจน
ความสุขจากการเลี้ยงไก่เริ่มกลับมาอีกครั้ง
นั่นแหละ…
คือวันที่เรารู้ว่า “เราไม่ได้เลี้ยงไก่เพียงเพื่อให้ชนะ แต่เลี้ยงเพื่อให้ตัวเองเติบโตไปพร้อมกับมัน”
ความสำเร็จในวงการไก่ชนไม่เคยวิ่งเข้าหาใคร
มีแต่คนที่ก้าวไปหาอย่างค่อยเป็นค่อยไป
ทีละเช้า ทีละฟอร์ม ทีละเรื่องเล็ก ๆ ที่เราทำด้วยมือของเราเอง
และทุกก้าวเล็ก ๆ ที่เราไม่ยอมแพ้
มันค่อย ๆ ต่อกันกลายเป็นเส้นทางของคนที่เรียกว่า “ผู้ชนะ”